CPM หรือ ต้นทุนต่อพันครั้ง หมายถึงต้นทุนของแคมเปญการตลาดที่เข้าถึงผู้คนอย่างน้อย 1,000 คน ตัวอักษร 'M' ในคำนี้เป็นตัวเลขโรมันสำหรับ 1,000
ในการคำนวณ CPM มีข้อมูลสำคัญที่ต้องการ
กล่าวโดยสรุปคือสูตรคำนวณ CPM คือ ต้นทุนโฆษณาหาร ที่เป็นผลลัพธ์ของการหารการแสดงผลด้วย 1,000
หากคุณต้องการข้ามสูตร CPM คุณสามารถใช้เครื่องคำนวณ CPM ออนไลน์เพื่อคำนวณให้คุณได้ตลอดเวลา
ตอนนี้คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีคำนวณต้นทุนต่อการแสดงผล 1,000 ครั้งแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจคำว่า CPM ว่าคืออะไร
CPM ช่วยให้นักการตลาดทางอินเทอร์เน็ตได้รับตัวเลขเชิงปริมาณว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าใด สำหรับการแสดงผล 1,000 ครั้ง ในปัจจุบัน CPM เป็นเทคนิคที่นักการตลาดใช้บ่อยที่สุดในการประเมินราคาของโฆษณาบนเว็บ
CPM เป็นคำที่สำคัญในโลกของนักการตลาด ที่ช่วยให้คุณทราบว่าการดูโฆษณาหรือการแสดงผล 1,000 ครั้งมีค่าใช้จ่ายเท่าใด
วิธีง่ายๆ ในการทำความเข้าใจ CPM คือการใส่ในจำนวนสมมติเข้าไป ตัวอย่างเช่น หากการเรียกเก็บเงิน CPM ของเว็บไซต์เท่ากับ ฿150.00 นั่นหมายความว่า คุณในฐานะผู้โฆษณาจะต้องจ่าย ฿150.00 ทุกๆ 1,000 ครั้งที่โฆษณาของคุณมีการมองเห็น
หรือสรุปง่ายๆ คือ CPM ย่อมาจาก 'ราคาต่อการแสดงผลพันครั้ง'
คุณสามารถคำนวณ CPM ด้วยเครื่องคำนวณ CPM ออนไลน์หรือสูตร CPM
หากไม่พอใจกับ CPM ของคุณ Uptle สามารถช่วยได้ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 200 คนที่สามารถช่วยคุณสร้างแคมเปญการตลาดดิจิทัล ที่ทั้งประสบความสำเร็จและคุ้มทุน วิธีการของเราได้สร้างโอกาสในการขายมากกว่า 3 ล้านราย ดังนั้นเราต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง!
การตลาดเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จของคุณ หากไม่มีการตลาดทางอินเทอร์เน็ตก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่เว็บไซต์ของคุณจะมีการเข้าชมที่ทำให้อยู่ในอันดับที่ดีในเครื่องมือค้นหา มันเป็นเอฟเฟกต์โดมิโนและหากเว็บไซต์ของคุณไม่ได้รับการเข้าชมเลย ก็จะทำยอดขายได้มากเช่นกัน
เมื่อคุณคำนวณ CPM โดยใช้สูตร CPM หรือเครื่องคำนวณ CPM ของเรา ธุรกิจของคุณก็จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ และยังวัดการแสดงผลของแต่ละแพลตฟอร์มโฆษณาของคุณได้ด้วย ถ้าพบว่าไม่ได้รับการแสดงผลมากเท่าที่ต้องการในบางแพลตฟอร์ม สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงจำนวนนั้นได้
ซึ่งส่งผลให้เกิดการรับรู้ถึงแบรนด์และ Conversion โดยรวมมากขึ้นในที่สุด
CPM ช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สามารถเปลี่ยนและกำหนดรูปแบบของแคมเปญการตลาดของคุณได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเครื่องคำนวณนี้จึงมีประโยชน์มาก
ข้อดีอย่างหนึ่งของแคมเปญออนไลน์ คือ การวิเคราะห์และวัดผลได้ง่ายด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง(และเครื่องมือ) คุณจะเห็นงบประมาณการโฆษณาได้อย่างง่ายๆ ว่าใช้ไปมากเท่าไหร่ และผลลัพธ์ที่แคมเปญของคุณได้รับ เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายหรือไม่
หากใส่ข้อมูลการแสดงผลและงบประมาณรวมในเครื่องคำนวณ CPM ออนไลน์ ผลลัพธ์ CPM ก็จะแสดงทันที
การคำนวณ CPM สามารถช่วยคุณตัดสินใจได้ว่า จำนวนเงินที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่ากับธุรกิจของคุณหรือไม่ CPM ต่ำหมายความว่าโฆษณากำลังแสดงต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตด้วยต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำ ในขณะที่ CPM สูงหมายความว่าคุณจ่ายเงินมากขึ้นต่อการดูโฆษณา 1,000 ครั้ง
หากรู้ CPM ของโฆษณาแล้ว และป้อนจำนวนการแสดงผลทั้งหมดที่คุณต้องการลงในเครื่องคำนวณนี้ คุณจะเห็นว่าคุณต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าใด
หากคุณป้อน CPM พร้อมกับงบประมาณรวม คุณจะเห็นจำนวนการแสดงผลที่คุณสามารถมีได้จากงบประมาณนั้น
หลังจากนั้น เมื่อคุณรู้การแสดงผลงบประมาณและ CPM ของแคมเปญแล้ว ก็สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น การคำนวณ CPM ด้วยเครื่องคำนวณของเรายังช่วยให้ทีมของคุณได้รับข้อมูลทั้งหมดอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
คุณสามารถใช้ CPM เป็นกลยุทธ์บน Facebook, Instagram, YouTube, LinkedIn, Twitter และ Pinterest
ตรวจสอบค่าโฆษณา CPM เฉลี่ยของแต่ละแพลตฟอร์ม ในตารางด้านล่างและดูว่า CPM ของคุณเปรียบเทียบกับเครื่องคำนวณต้นทุนต่อพันของเราอย่างไร:
เช่นเดียวกับ CPM CPC และ CPA และวิธีอื่นๆ ในการกำหนดราคาโฆษณา
การตลาดในทุกๆ ด้าน รวมถึงการใข้เทคนิคต่างๆ จะประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับประเภทแคมเปญ
CPM จะเหมาะสมที่สุดหาก บริษัทของคุณกำลังเน้นกลยุทธ์การเพิ่มการรับรู้แบรนด์ของคุณ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์เมื่อแคมเปญมีเป้าหมายที่จะนำเสนอข้อความที่เน้นรายละเอียดไปยังลูกค้า ให้ความสำคัญกับจำนวนคลิกน้อยและมีต้นทุนต่ำ จึงเหมาะสำหรับงบประมาณที่ต่ำ
หาก CPM ของแคมเปญโฆษณาสูงเกินไปจนไม่คุ้มกับการลงทุนหรือไม่เห็นผลลัพธ์แคมเปญ CPC PPC อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
เพราะการโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิกหรือ PPC คุณจะจ่ายเงินค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อมีคนคลิกจริงๆ วิธีนี้หากมีคนเห็นโฆษณาของคุณแต่ไม่สนใจคลิกคุณก็จะไม่เสียอะไร หากคุณใช้เครื่องมือค้นหาก็จะเจอโฆษณา PPC แบบนี้
ตัวอย่างเช่นใน Google สามารถปรากฏได้ทั้งที่ด้านบนของผลลัพธ์และในแถบด้านข้างถัดจากผลลัพธ์:
ในภาพนี้ ทุกๆ ผลลัพธ์ที่แสดงเป็นโฆษณา PPC แปลว่าถ้าคุณคลิก เจ้าของไซต์จะต้องจ่ายเงินให้ Google
แล้ว Google (พร้อมกับเครื่องมือค้นหาอื่นๆ ) ตัดสินใจอย่างไรว่าจะแสดงโฆษณาเหล่านี้ให้ใคร
เมื่อผู้โฆษณาสร้างแคมเปญ PPC พวกเขาจะเลือกชุดคำหลัก (คีย์เวิร์ด) ที่ต้องการแสดง ในตัวอย่างข้างต้น โฆษณาทั้งหมดถูกแสดงสำหรับผู้ที่ค้นหา "การออกแบบเว็บ"
โฆษณา PPC ทั้งหมดมีราคาไม่เท่ากัน ค่าใช้จ่ายสำหรับแต่ละคลิกจะถูกกำหนดโดยกระบวนการประมูล และผู้ลงโฆษณาแต่ละรายจะต้องกำหนดราคาเสนอสำหรับจำนวนเงินสูงสุดที่พวกเขายินดีจ่ายต่อคลิกสำหรับคำหลักที่เฉพาะเจาะจง
ซึ่งหมายความว่าคำหลักกว้างๆ เช่น "การออกแบบเว็บ" หลายบริษัทต้องการแข่งขัน จึงมีราคาแพงกว่าคำหลักที่เฉพาะเจาะจงเช่น "บริษัท ออกแบบเว็บในภาคกลาง" ยิ่งมีผู้เสนอราคาคำหลักน้อยเท่าไหร่ คุณก็จะจ่ายน้อยลงเพื่อโฆษณาในผลการค้นหา
สำหรับธุรกิจจำนวนมาก PPC ช่วยให้พวกเขาสามารถเพิ่มงบประมาณการตลาดได้สูงสุด
แม้ว่าจะต้องใช้การลองผิดลองถูก เพื่อค้นหาว่าคำหลักใดทำงานได้ดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์ของคุณ แต่ PPC อาจเป็นรูปแบบการกำหนดราคาที่คุ้มค่ากว่าสำหรับการโฆษณาดิจิทัลมากกว่า CPM
Uptle เสนอแผนแคมเปญ PPC ที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับงบประมาณ แคมเปญที่กำหนดเองของเราแตกต่างกันไปตามค่าใช้จ่าย PPC จำนวนคีย์เวิร์ดและค่าธรรมเนียมการตั้งค่า
หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ PPC หรือต้องการความช่วยเหลือในการตั้งค่าแคมเปญอย่าลังเลที่จะ ติดต่อเรา! เรายินดีอย่างยิ่งที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการตลาดทางอินเทอร์เน็ตให้กับคุณ
ชั่วโมงแห่งความเชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล
ชั่วโมงแห่งความเชี่ยวชาญ